วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

สารคดีเรื่อง เด็กชายแสนดี

สารคดีเรื่อง เด็กชายแสนดี
 ชีวิตนี้จะก้าวไป ตราบใดที่มีลมหายใจ ความภาคภูมิใจในชีวิตและแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ
คนเราเกิดมาตั้งแต่มองตาดูโลก ต่างคนต่างก็ต้องมีความภาคภูมิใจในชีวิตของตัวเองอยู่แน่นอนไม่มากก็น้อย แต่จะอยู่ที่ว่าเราจะจดจำสิ่งเหล่านั้นมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่แล้วมนุษย์เราจะจำได้ดีระหว่างเรื่องที่ดีที่สุด และเรื่องที่เลวร้ายที่สุด การที่เราจดจำเรื่องดีๆในอดีตบางครั้งก็เป็นแรงพลัดดันให้เรา กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยความภาคภูมิใจ สำหรับกระผมแล้วก็มีความภาคภูมิใจในชีวิตหลายเรื่องด้วยกัน เช่นภูมิใจที่ได้เกิดมาในครอบครัวแห่งนี้ กับการที่ได้มาเป็นลูกของพ่อและแม่ เพราะทำให้ผมได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับชีวิต ถึงแม้จะเกิดในครอบครัวที่ยากจนก็ตาม แต่ก็สามรถที่จะอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ไม่นำความเดือดร้อนให้กับใคร
สำหรับความภาคภูมิใจในชีวิตของตนเอง คือ ด้านการเรียนและประสบการณ์การทำงาน อย่างที่ได้กล่าวมา ข้างต้นว่า  สุมิตรเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน และประกอบกับมีพี่น้องหลายคน ทุกคนก็ต้องการเรียนหนังสือ จึงทำให้แต่ละวันต้องมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ต้องเฉลี่ยกันไป ตอนอยู่ประถมศึกษา จำได้ดีว่าแม่ให้เงินไปเรียนคนละ 6 บาท เหมือนกันทั้ง 5 คน โดยที่ตอนเช้าแม่จะหุงข้าวไว้ก่อนไปเรียน แล้วก็ไปทำงานและตอนเที่ยงเราก็จะเดินกลับมากินข้าวที่บ้าน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร บางวันก็ไม่กลับ เป็นเช่นนี้จนกระผมจบ ป.6
  เข้ามาเรียนในระดับมัธยมศึกษา ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพอสมควรและเมื่อกรเข้าเรียนพี่ชายก็เรียนอยู่ ม.2 ต้องตัดสินใจลาออกเพราะอยากให้  สุมิตรได้เรียนต่อ และเขาออกมาทำงานส่งเสีย  สุมิตรเรียนอีกแรงหนึ่ง ขณะที่เรียนมัธยม  สุมิตรก็ทำงานไปด้วยโดยเฉพาะในช่วงปิดเทอม โดยจะรับจ้างทุกอย่างเช่น ขุดบ่อน้ำ ไถ่นา และ รับจ้าง ต่างๆเพื่อนำเงินมาเป็นทุนการศึกษาของตนเองและที่สุดๆของชีวิตคือ ช่วง ม.5-6 
ได้สมัครทำงานเป็นยามรักษาความปลอดภัยที่ องค์การบริหารส่วนตำบล เดือนละ 4,000 บาท ช่วงนี้เป็นช่วงของสถานการณ์ความไม่สงบ เกิดเหตุร้ายอยู่ทุกๆวันเช่นเฝ้าโรงเรียน อบต. และสถานที่ราชการต่างๆ กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะเกิดเหตุร้ายกับตัวเอง เพราะต้องเดินทางมาตอนเย็นหลังจากที่กลับจากโรงเรียนประมาณ 5 โมงเย็นมาเข้าเวร และออกเวรกลับบ้านตอน 5 โมงเช้าเพื่อที่จะได้อาบน้ำแต่งตัวขึ้นรถโรงเรียนตอน 6 โมงเช้า จะเป็นเช่นนี้จนเรียนจบ ม.6
 แน่นอนย่อมมีผลกระทบต่อการเรียนเป็นธรรมดา เพราะจะนำการบ้านไปทำที่ทำงานไม่ได้ ต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา และการบ้านทุกอย่างต้องทำให้เสร็จจากโรงเรียน หรือค่อยทำวันศุกร์เพราะเป็นวันหยุดเรียน แต่ผลการเรียนก็ไม่กระทบมากหนักอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้  และสอบเข้ามหาวิทยาลัยสงขลานรินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ช่วงปิดเทอมก็ได้ทำงานอยู่บริษัท และขณะเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 ใกล้ประสบความสำเร็จแล้ว แรงจูงใจและแรงผลักดันที่ทำให้คงไม่เกินความสามารถเพราะจะจบ ปี 4 แล้ว ถึงแม้ชีวิตจะต้องผ่านอุปสรรค์มามาก กับการเรียนของเด็กจนๆคนหนึ่ง แต่นี่เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต และประการณ์ชีวิตที่ล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
ตั้งใจเรียนจนจบ ม.6 และต่อปริญญาตรีได้ มี 3 สาเหตุหลักๆ คือ
1)      แรงพลัดดันจากพ่อแม่
2)      ความจน
3)      การดูถูกจากคนรอบข้าง
คงไม่เกินความสามารถเพราะจะจบ ปี 4 แล้ว ถึงแม้ชีวิตจะต้องผ่านอุปสรรค์มามาก กับการเรียนของเด็กจนๆคนหนึ่ง แต่นี่เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต และประการณ์ชีวิตที่ล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น